อุทาหรณ์วัยรุ่นโอไฮโอ เซลล์จอตาถูกทำลาย หลังเล่นเลเซอร์พอยเตอร์จนส่องเข้าตา
ข่าวกรณีศึกษาที่เป็นอุทาหรณ์ ย้ำเตือนให้เราระมัดระวังเกี่ยวกับเลเซอร์พอยเตอร์ให้มากขึ้น เพราะไม่ว่าเลเซอร์พอยเตอร์ของคุณจะมีความเข้มของแสงมากหรือน้อยแค่ไหน การฉายมันไปยังตาของตัวเองหรือคนอื่น ก็ย่อมที่จะเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี https://www.boonnews.tv/n27300
กรณีศึกษาชิ้นล่าสุดของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ
เราทราบกันเป็นอย่างดีว่าการชี้เลเซอร์พอยเตอร์ไปยังตาของคนนั้นเป็นเรื่องที่อันตราย เพราะแม้เลเซอร์พอยเตอร์ในปัจจุบันส่วนมากมักจะเป็นเลเซอร์พลังงานต่ำ แต่มันก็อาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
และในบางกรณีการเผลอมองเลเซอร์พอยเตอร์แม้เพียงไม่กี่วินาที ก็อาจจะทำให้คนคนหนึ่งต้องเสียการมองเห็นไปโดยสมบูรณ์เลยด้วย เหมือนอย่างกรณีศึกษาชิ้นล่าสุดของมหาวิทยาลัยโอไฮโอเมื่อไม่นานมานี้
เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมีเด็กวัยรุ่นไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง เข้ามารักษาตัวกับจักษุแพทย์ของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ ด้วยอาการมองเห็นภาพซ้อน และเสียการมองเห็นเป็นพักๆ ในตาขวา
โดยในเวลานั้น เขาบอกว่าตนเองไม่สามารถเขียนหรืออ่านหนังสือโดยใช้เพียงตาขวาได้อีกต่อไป แม้ว่าตาซ้ายจะยังคงปกติดี
เมื่อถูกถามว่าเขาเคยไปทำอะไรที่น่าจะทำให้ตากลายเป็นเช่นนี้เด็กหนุ่มก็บอกว่าเมื่อราวๆ 5 เดือนก่อนเขาได้มีอาการสูญเสียการมองเห็นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ตนจ้องมองไปยังเลเซอร์พอยเตอร์โดยตรง ระหว่างเล่น “ยิงปืน” กับเพื่อน
แม้ว่าเขาจะจ้องมองเลเซอร์ดังกล่าวเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ตามองเขาก็เห็นแสงสว่างจ้าไปนานหลายนาที และหลังจากวันนั้นมา แม้เขาจะกลับมามองเห็น แต่อาการที่ตาของเขาก็มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ
เมื่อลองตรวจดวงตาของเด็กหนุ่มด้วยระบบสแกนออปติคอลความละเอียดสูง ทีมแพทย์ก็พบว่าดวงตาของเด็กคนนี้ได้รับความเสียหายอย่างไม่น่าเชื่อจากเรื่องที่เกิดขึ้น
ดวงตาทั้งสองข้างของเขามีรอยความเสียหายที่จอตา โดยที่ตาซ้ายเขามีรอยความเสียหายหนึ่งจุด ในขณะที่ตาขวามีความเสียหายถึง 2 จุดใหญ่ๆ ซึ่งรุนแรงจนแพทย์บอกว่าจอเรตินาของเขาถูก “ทำลายทิ้ง” โดยสมบูรณ์
“มันไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้ว” คุณ Frederick Davidorf จักษุแพทย์ผู้ดูแลอาการของเด็กชายกล่าว “พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่มีเซลล์รูปกรวยเหลืออยู่เลย”
กรณีศึกษาที่เป็นอุทาหรณ์
นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายของคนไข้คนนี้มากที่อาการบาดเจ็บที่ดวงตาของเขาค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเขารับการรักษากับทีมแพทย์
โดยหลังจากเวลาผ่านไปราวๆ 6 เดือนการมองเห็นของเขาก็กลับมาอยู่ในระดับคนปกติ แม้ว่าเขาจะหมดสิทธิ์ที่จะรักษาตัวจนกลับมาเป็นปกติ 100% ได้อีกต่อไปแล้ว
“ตาของเขาจะไม่มีวันที่จะหายแบบเต็มที่” คุณ Frederick เสริม “จากนี้ไปเขาจะมีแผลเป็นอยู่ในตาเสมอ”
นี่นับว่าเป็นข่าวกรณีศึกษาที่เป็นอุทาหรณ์ ย้ำเตือนให้เราระมัดระวังเกี่ยวกับเลเซอร์พอยเตอร์ให้มากขึ้นได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าเลเซอร์พอยเตอร์ของคุณจะมีความเข้มของแสงมากหรือน้อยแค่ไหน
การฉายมันไปยังตาของตัวเองหรือคนอื่น ก็ย่อมที่จะเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี
ที่มา : sciencealert และ RetinalCases & Brief Reports
เรียบเรียง By : เหมียวศรัทธา
Posted in : CatDumb - เรื่องราวรอบโลก
Posted on : 18 September 2020