แนวคิดที่หนึ่ง : การยอมรับรู้ในประสบการณ์ที่มีต่อพลังงานใหม่

มนุษย์เรายอมรับในเรื่องของแรงโน้มถ่วง เพราะได้เคยสัมผัสกับมันตั้งแต่เกิด แม้มันไม่ได้เป็นสิ่งของที่มองเห็น แต่เราก็เชื่ออย่างสุดใจ และไม่เคยตั้งข้อสงสัยกับมัน ซึ่งนั่นเท่ากับมนุษย์ยอมรับในประสบการณ์ของแรงโน้มถ่วง แต่พลังงานใหม่เป็นพลังงานที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ก็อยากให้ยอมรับ เหมือนกับการอ่านหนังสือแล้วเปิดหน้าต่อ ๆ ไป ที่ทำให้ได้อ่านประโยคใหม่ ๆ และก็ไม่ต้องย้อนกลับไปอ่านหน้าเดิม ๆ อีก ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น เพราะ ณ เวลานี้ เราได้ผ่านหน้านั้นไปแล้ว เช่นกัน ประสบการณ์ที่มีต่อพลังงานใหม่ก็จะทำให้คนเราเกิดการยอมรับโดยความเชื่อว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว

แนวคิดที่สอง : การยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงโดยปราศจากความกลัว

มนุษย์เรากลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะมันคงไม่ได้เป็นไปตามแผนที่ตั้งใจไว้ และคงไม่สะดวกสบายเหมือนเดิม โดยเฉพาะการเปลี่ยนนิสัยส่วนตัวและความเคยชินเก่า ๆ  อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น

แนวคิดที่สาม : การแสดงออกซึ่งความเมตตา

แนวคิดนี้ต้องมีการฝึกฝนมากขึ้น และมีความยากมากขึ้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากระทำต้องมาจากจุดยืนของความเมตตา ตัวอย่าง เช่น ลองนึกภาพว่าคุณขับรถอยู่บนท้องถนนแล้วมีคนมาตัดหน้ารถคุณ ทำให้คุณต้องหยุดรถกะทันหัน แล้วเสียงแตรจากรถคันหลัง ๆ ก็บีบลั่นใส่คุณ และมีเสียงผู้คนตวาดใส่คุณ

สิ่งแรกที่คุณต้องทำ คือ อย่าให้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันมีผลต่อคุณ เพราะหากคุณฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีเมตตาแล้ว ก็จงอย่าให้ความโกรธเกิดขึ้น แล้วความยุ่งยากทั้งหลายมันก็จะไม่เกิดขึ้นตามมา

ขอให้คุณทำตัวให้ช้าลง  เพื่อให้พวกเขามีพื้นที่และมีความรู้สึกที่ดีขึ้น และไม่ต้องไปเสียใจหรือตอบโต้พวกเขาด้วยการด่ากลับไป สิ่งที่คุณควรทำก็เพียงแต่ต้องกระทำทุกเรื่องราวด้วยความเมตตาเท่านั้น

ส่วนเรื่องคำพูดที่อาจมากระทบจิตใจคุณ ก็อย่าได้ไปหลงกลคล้อยตาม ไม่มีใครสามารถที่จะมากำหนดให้คุณเป็นในสิ่งที่คุณไม่ได้เป็น เพียงแค่คำพูดของคนอื่น  ความเมตตาเป็นพลังงานที่ผลักดันให้คนเรา มีแต่ความโชคดีและเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

แนวคิดที่ 4 : ให้มองด้วยสายตาของจิตวิญญาณ

คือมองเป็นภาพใหญ่ ภาพรวม ว่าทุกสิ่งมีชีวิตล้วนมีความดีในตัว มีจิตวิญญาณอันสูงส่งคือมีพระในตัวเหมือนกันทุกคน ต่างกันที่เกิดมาเพื่อแสดงบทบาทใดเท่านั้น ซึ่งพวกเขาไม่ต่างจากตัวคุณ เพียงแต่พวกเขายังไม่รู้เกี่ยวกับตัวพวกเขาเองเท่านั้น ซึ่งบ่อยครั้งคุณควรขอบคุณพวกเขาด้วยซ้ำไป เพราะพวกเขาเป็นเหมือนกระจกเงาทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้นแถมทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น

แนวคิดที่ 5 : ทำตนให้เป็นผู้มีความอดทน

คนเราต้องรอคอยได้ และอย่าเพิ่งผิดหวังหรือไปโกรธเสียก่อน ให้คุณทำความรู้สึกสบาย ๆ และมีความสุขกับช่วงเวลาของการรอคอย แทนที่จะบ่น หากอดทนอดกลั้นรอคอยเป็นก็สมหวังแน่นอน

อยากให้ค่อย ๆ ทำไปทีละข้อ ๆ บางคนอาจทำได้ดีกว่าอีกหลายคน นั่นก็มาจากความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนผนวกกับการได้ผ่านบทเรียนในอดีตและมากด้วยประสบการณ์กว่าคนอื่น ๆ  จึงขออย่าได้มีการเปรียบเทียบกับคนอื่น และอย่าได้รู้สึกผิดในการกระทำของตนเอง

เพราะมนุษย์ต่างมีจุดประสงค์เฉพาะที่จะอยู่ร่วมกันและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ: KRYON, ข้อความจากต่างมิติ, key of life